เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2566 พรรคก้าวไกล ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ณ ลานตลาดอินบ๊อก ริมถนนพระราม 2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งบรรยากาศของการจัดเวทีปราศรัยใหญ่พร้อมกับในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ก็มีประชาชนทั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ราชบุรี และใกล้เคียง ให้ความสนใจมาร่วมรับฟังอย่างล้นหลามนับพันคน โดยในเวทีฯ ทางตัวแทนพรรคและผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม หมายเลข 9 เขตเลือกตั้งที่ 1 , นายศิริโรจน์ ธนิกกุล หมายเลข 9 เขตเลือกตั้งที่ 2 , นายศิรสิทธิ์ สงนุ้ย หมายเลข 9 เขตเลือกตั้งที่ 3 , นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัครฯ เขตบางขุนเทียน – บางบอน และ นางสาวรักชนก ศรีนอก ผู้สมัครฯ เขตจอมทอง – หนองแขม – บางบอน ก็ได้มีการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีหาเสียงพร้อมชูนโยบายของพรรคก้าวไกล เพื่อให้พรรคก้าวไกลเข้าไปเป็นแกนนำรัฐบาล โดยในส่วนประเด็นที่เกี่ยวกับสมุทรสาครนั้น อาทิเช่น การแก้กฎหมายประมงที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องชาวประมงมานานเกือบ 8 ปี , การแก้ไขปัญหาน้ำประปา,ความเท่าเทียมทางการศึกษา และเรื่องค่าไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนนโยบายหลักที่พรรคก้าวไกลนำมาชูเพื่อพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงคือ นโยบายรัฐสวัสดิการจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ส่วนที่เรียกเสียงเฮถูกใจผู้เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยไม่แพ้นโยบายที่พรรคนำมาเสนอคือ การปิดสวิสต์ 3 ป. และ ปิดสวิสต์ระบบ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
จากนั้นในเวลาประมาณ 20.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอให้พี่น้องชาวจังหวัดสมุทรสาครกากบาทเลือก ส.ส.สมุทรสาคร ของพรรคก้าวไกล เบอร์ 9 ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง และกากบาทเลือกพรรคก้าวไกลเบอร์ 31 พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศจุดยืนของพรรคก้าวไกล “มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” หากการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมที่จะนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรูปแบบใหม่ และการปฏิรูปกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นต้น แต่ถ้าต้องจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคของ 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ กับ พรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ทางพรรคก้าวไกลก็ขอถอยมาเป็นฝ่ายค้าน จะไม่ขอร่วมรัฐบาลด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นหากคนสมุทรสาครต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องเลือกพรรคก้าวไกลทั้งคนทั้งพรรค
สุดท้ายเวลา 20.40 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวที โดยเน้นย้ำเรื่องของการจัดรัฐสวัสดิการที่พรรคก้าวไกลทำได้ หากได้เป็นรัฐบาล โดยจะเข้าไปกำจัดเรื่องคอรัปชั่น และขจัดโครงการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบ รวมถึงการยกเลิกการผูกขาดกลุ่มทุนพลังงานที่ส่งผลทำให้พี่น้องประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าอยู่ทุกวันนี้ และแนวทางการบริหารประเทศแบบใหม่ การจัดรัฐสวัสดิการให้แก่พี่น้องประชาชนตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเสียชีวิต ความเท่าเทียมทางการศึกษา การจัดสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ การยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรและ SMEs ,นโยบายปลดล๊อคท้องถิ่น นำงบลงมาสู่การพัฒนาตนเองของแต่ละจังหวัด ตลอดจนการพัฒนาประเทศให้คุณภาพชีวิตของประชาชนให้ทัดเทียมต่างประเทศ เป็นต้น และสุดท้ายก็ยังได้ขอคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกลทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง กับขอคะแนนพรรคก้าวไกล เพื่อให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มาจากอำนาจของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง