ต่อข่าว สาวใหญ่วัย 54 ปี ตกท่อระบายน้ำ
จากเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 02 กันยายน 2567 นางวิภารัตน์ ยลนาวา อายุ 54 ปี ที่อยู่ 927/90 ถ.เศรษฐกิจ 1 ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ได้เดินตกท่อระบายน้ำบนทางฟุตบาท ริมถนนเศรษฐกิจ ใกล้กับหน้าบ้านของตนเอง ซึ่งท่อระบายน้ำที่มีความกว้างประมาณ 1 เมตรกว่า ลึกจากพื้นถนนลงไปประมาณ 2 เมตรเศษ ระดับน้ำในท่อสูงขึ้นมาเกือบ 1 เมตรนั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น.ของวันที่ 03 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าหลังเกิดเหตุทางเทศบาลนครสมุทรสาคร ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้โดยรอบ ส่วนช่องที่แผ่นปูนแตกหักลงไปพร้อมกับผู้บาดเจ็บนั้น ได้มีการนำแผ่นไม้กระดาน 3 แผ่นมาวางปิดไว้ก่อน เพื่อรอการซ่อมแซมต่อไป
ด้านนางวิภารัตน์ ยลนาวา อายุ 54 ปี ผู้บาดเจ็บบอกว่า ตนเองเดินผ่านที่เกิดเหตุทุกวันทั้งเอาขยะไปทิ้งตรงถังขยะที่ตั้งอยู่ติดกับฝาท่อ และไปซื้อของร้านบิ๊กซ้งใกล้บ้าน โดยวันเกิดเหตุตนเองเดินออกไปซื้อของ ซึ่งก็ต้องเดินผ่านตรงท่อระบายน้ำนั่นแหล่ะ ตอนเดินไปก็ไม่มีอะไร แต่พอเดินกลับมาก็เดินทางเดิมเพราะเป็นทางผ่านเข้าบ้านตนเอง ซึ่งพอเหยียบลงไปบนแผ่นปูนที่อยู่ตรงกลางปรากฎว่าฝาท่อผลุบลงไปทันทีพร้อมตัวเอง ทำให้ตกลงไปนั่งจุกลุกไม่ขึ้น ส่วนแผ่นปูนก็แตกอยู่ข้างใต้นั่นเอง ซึ่งหากเมื่อวานนี้มีระดับน้ำสูงขึ้นมาอีก ตนเชื่อว่าอาจจะเสียชีวิตได้ โดยตนได้ร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน จะปีนขึ้นมาเองก็ลุกไม่ไหว จึงต้องนั่งอยู่ในนั้นนานกว่า 30 นาที จึงมีคนผ่านมาเห็นและได้เรียกคนมาช่วย ในวินาทีที่นั่งรอคนผ่านมาเจอนั้น ก็คิดแค่ว่าถ้าหากตายไปทางครอบครัวจะเป็นอย่างไร ใครจะดูแล เพราะสามีก็ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนลูกชายฝาแฝดคนหนึ่งก็เรียนอยู่ อีกคนมีปัญหาทางการได้ยิน ตอนนั้นนอกจากร่างกายจะบาดเจ็บแล้ว สติก็แทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ถือว่าบุญที่ทำมายังช่วยให้ตนรอดพ้นจากนาทีวิกฤตินี้มาได้ ตอนนี้ก็ยังมีอาการวิตกกังวลอยู่ พอออกมาเห็นฝาท่อก็รู้สึกผวาอยู่เหมือนกัน
ขณะที่อาการบาดเจ็บก็มีรอยฟกช้ำที่หลังและรอยบาดแผลขีดข่วนที่แขน โดยแพทย์ที่ให้การตรวจรักษาระบุว่า มีอาการฟกช้ำค่อนข้างหนักแต่ไม่มีเลือดคั่งภายใน ซึ่งแม้จะทำให้สบายใจในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังกังวลกับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดตามมา เพราะตนเองมีโรคประจำตัวอยู่หลายโรค นอกจากนี้ในส่วนของทางเทศบาลฯ นั้น ในวันเกิดเหตุทางรองนายกฯ เทศมนตรีก็ได้เดินทางไปดูแลที่โรงพยาบาล และต่อมาทางเทศบาลฯ ก็ได้ติดต่อว่า จะเข้ามาเยี่ยมในวันนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุเวลาและยังไม่มีการพูดคุยอะไรกันถึงเรื่องการเยียวยา
นางวิภารัตน์ฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนเองอยากฝากไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้นับเป็นโชคดีที่ตนรอดมาได้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถ้าเป็นเด็กก็อาจจะเกิดความสูญเสียได้ ดังนั้นหากมีการซ่อมแซมหรือทำอะไรที่จะเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ก็ควรที่จะต้องมีการทำป้ายเตือน หรือวางที่กั้นเตือนให้ประชาชนทราบ จะได้ไม่เกิดเหตุแบบนี้อีก พร้อมกันนี้ก็ขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มีไหวพริบกับการแก้ปัญหาช่วยผู้บาดเจ็บได้ดีมาก รวมถึงหญิงสาวพลเมืองดีคนหนึ่งที่โดดลงไปช่วยตนในท่อระบายน้ำ